สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดฉากงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2022 “สร้าง-เปลี่ยน-โลก” ส่งท้ายปี 65 พร้อมนำเสนอแนวคิดเทรนด์บ้านแห่งอนาคตใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมแบบบ้านใหม่กว่า 1,000 แบบ ราคาตั้งแต่ 1-100 ล้านบาท มุ่งขับเคลื่อน “ธุรกิจ-สิ่งแวดล้อม-เศรษฐกิจไทย” คาดเงินสะพัดยอดจอง 3,500 ล้านบาท จัดขึ้นในวันที่ 14-18 กันยายนนี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้านในปี 2565 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 12,500 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าตลาดดังกล่าว ถือเป็นตัวเลขที่กลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด -19 โดยมีปัจจัยหลัก การปรับขึ้นของต้นทุนการก่อสร้าง เร่งการตัดสินใจของผู้ที่วางแผนจะสร้างบ้านใหม่อยู่แล้วให้เร็วขึ้น
ส่วนในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2565 เชื่อมั่นว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีและส่งผลต่อการเติบโตของตลาดรับสร้างบ้านในภาพรวม โดยขับเคลื่อนผ่านงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2022 ที่ทางสมาคมฯ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพของบริษัทรับสร้างบ้าน พร้อมกับส่งมอบบริการที่มีคุณภาพไปยังผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านใหม่บนที่ดินตัวเอง รวมถึงอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ ให้กับนักออกแบบ นักศึกษา และบุคคลทั่วไปได้เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งในปีนี้งานจัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “สร้าง-เปลี่ยน-โลก” เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ใหม่ที่ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพและตระหนักร่วมกันถึงผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม
แนวคิดสร้าง-เปลี่ยน-โลก
“ที่มาของแนวคิด “สร้าง-เปลี่ยน-โลก” มีที่มาจากมุมมองที่ว่าทำอย่างไรจึงจะช่วยลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งคำตอบที่ทางสมาคมฯ มีในเรื่องนี้ ก็คือแนวคิดการสร้างบ้านโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ ส่งผลให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” นายวรวุฒิ กล่าว
จากแนวคิดดังกล่าว นายวรวุฒิ กล่าวว่า สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้
“สร้าง” นอกจากความเป็นมืออาชีพ บริษัทรับสร้างบ้านยังสามารถนำแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการทำงาน ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบที่สอดรับไปกับทิศทางลมและแสงแดด เพื่อการลดการใช้พลังงานภายในบ้าน การสร้างที่ใส่ใจในเรื่องมลภาวะไปจนถึงส่งมอบ
นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้ริเริ่มทำโครงการ “สร้างบ้านสร้างสิ่งแวดล้อม” โดยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบความรู้กับสมาชิกสมาคมฯ ในการทำให้ไซต์งานก่อสร้างบ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย ลดมลภาวะจากฝุ่นละออง ขยะ น้ำเสีย และเสียง ทั้งนี้ สมาคมฯ มีเป้าหมายที่จะให้สมาชิก รวมถึงผู้บริโภค ใส่ใจในเรื่องภาวะโลกร้อน ลดการใช้พลังงานรวมถึงสุขอนามัยในบ้าน
รวมทั้ง โครงการ “การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในภาคที่อยู่อาศัย” ที่ทำร่วมกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ – ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จัดการอบรมในหัวข้อ “นวัตกรรมสร้างบ้านสีเขียวประหยัดพลังงานเทรนด์แห่งการรักษ์โลก” เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน
“เปลี่ยน” เปลี่ยนแนวคิดและการเลือกใช้วัสดุแบบเดิม ๆ มาเป็นการใช้วัสดุทดแทนวัสดุธรรมชาติ เช่น การใช้วัสดุปูพื้นและผนังไม้เทียมที่ทดแทนไม้ธรรมชาติ เปลี่ยนมาใช้วัสดุรีไซเคิล ซึ่งมีผลต่อการช่วยลดโลกร้อน
“โลก” การสร้างบ้านที่คำนึงถึงภาวะลดโลกร้อนด้วยการลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน ทั้งจากหลังคา ผนัง และประตูหน้าต่าง เพิ่มการถ่ายเทอากาศที่ทำให้บ้านอยู่สบายลดการใช้งานเครื่องปรับอากาศ พร้อมกันนี้ก็กระตุ้นให้เกิดการใช้พลังงานทดแทน เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการก่อสร้างที่ลดขยะ ลดน้ำเสีย และ ลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ส่งผลต่อสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัย
นอกจากความรู้เกี่ยวกับบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว อีกไฮไลต์สำคัญภายในงาน ได้แก่ บูธนิทรรศการให้ความรู้กับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องบ้านประหยัดพลังงาน ที่จัดโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน รวมถึง การนำเสนอบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จัดโดยมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และบูธการเคหะแห่งชาติที่มาร่วมออกงานในครั้งนี้ด้วย พร้อมสิทธิ์มากมาย เช่น ร่วมลุ้นทองคำมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท รวมทั้งพบกับบูธแบรนด์วัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ที่มาร่วมโชว์นวัตกรรมใหม่ และสินค้ารักษ์โลก พร้อมกันนี้ทางสมาคมฯ ได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงินที่จะมอบโปรโมชั่นดี ๆ สำหรับลูกค้าที่มาจองปลูกสร้างบ้านในงาน
ในภาพรวมของการจัดงาน คาดว่าจะมีผู้เข้าชม ประมาณ 10,000 ราย และตั้งเป้ายอดจองปลูกสร้างบ้านภายในงานไว้ที่ 3,500 ล้านบาท จาก 35 บริษัทรับสร้างบ้าน
“เป้าหมายยอดจองในปีนี้ แม้จะเติบโตไม่มากนักจากการจัดงานในปีที่ผ่านมา เนื่องจากอยู่ในภาวะที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โดยสมาคมฯ สามารถทำยอดจองสร้างบ้านภายในงาน ตั้งแต่ปี 2562-2564 ดังนี้ ปี 2562 มีมูลค่า 2,640 ล้านบาท ปี 2563 มีมูลค่า 2,800 ล้านบาท ปี 2564 มีมูลค่า 3,400 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ตั้งเป้ายอดจองไว้ที่3,500 ล้านบาท พร้อมกับให้ความรู้กับผู้บริโภคที่วางแผนสร้างบ้านได้แบบไร้ปัญหาโดนทิ้งงาน สร้างบ้านไม่ได้บ้านและสร้างบ้านไม่ตรงกับที่ตกลงกันไว้” นายวรวุฒิ กล่าว