พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จับมือฮ่องกง แลนด์ ลุยตลาดบ้านหรูต่อเนื่อง พบว่าตลาดเติบโตมาตลอดในช่วง 2 ปีผ่านมา เปิดตัวโครงการ “เลค เลเจนด์ บางนา-สุวรรณภูมิ”มูลค่า 6,300 ล้านบาท ตอกย้ำจุดเด่นทะเลสาบ 100 ไร่ ออกแบบเป็นคฤหาสน์ติดทะเลสาบบนเนินเล่นระดับแห่งแรก เผยยอดขายช่วงพรีเซลทะลุ 1,000 ล้านบาท
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า บริษัทได้เดินหน้าสานความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับ ฮ่องกง แลนด์ ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ “เลค เลเจนด์ บางนา-สุวรรณภูมิ” หลังประสบความสำเร็จในการร่วมกันปั้นแบรนด์ “เลค เลเจนด์” โครงการแรกบนทำเลแจ้งวัฒนะให้เป็นที่รับรู้ในกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ที่ชื่นชอบบรรยากาศทะเลสาบ โดยความร่วมมือกับพันธมิตรร่วมทุนชั้นนำอย่างฮ่องกงแลนด์ ทำให้สามารถสร้างแบรนด์ เลค เลเจนด์ ให้โดดเด่นมีเอกลักษณ์ เข้าถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่
“เลค เลเจนด์ บางนา-สุวรรณภูมิ” ยังคงความเป็นโครงการหรูในบรรยากาศทะเลสาบ ตั้งอยู่ในทำเลใกล้สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 5 นาที มีขนาดพื้นที่ 83 ไร่ ในสังคมที่เป็นส่วนตัวด้วยจำนวนเพียง 127 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 42 -200 ล้านบาท จุดเด่นของโครงการอยู่ที่ทะเลสาบขนาดใหญ่ถึง 100 ไร่ ซึ่งใหญ่ที่สุดในทำเลบางนา-สุวรรณภูมิ นอกจากนี้ยังเป็นโครงการที่อยู่อาศัยโครงการแรกที่ดีไซน์เป็นคฤหาสน์บนเนินเล่นระดับในแบบ Contour Landscape ริมทะเลสาบ ในคอนเซ็ปท์ Modern Italian Lakeside Villa โดยได้แรงบันดาลใจจากทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ประเทศอิตาลี ที่สวยงามขึ้นชื่อทั้งทัศนียภาพและสถาปัตยกรรมที่อยู่ล้อมรอบทะเลสาบ
ใช้เทคโนโลยีการก่อสร้าง VCM
โครงการยังนำเทคโนโลยีด้านการก่อสร้างมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพโครงการ ได้แก่ เทคนิค VCM (Vacuum Consolidation Method) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ โดยการดูดน้ำออกจากดินเพื่อทำให้ดินแน่นขึ้น ช่วยป้องกันการทรุดตัวได้ มีการใช้เสาเข็มเฮลิคัลไพล์ (Helical Pile) เทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกา ช่วยเพิ่มความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างฐานรากบ้าน โดยเป็นเสาเข็มเหล็กที่รับน้ำหนักได้สูง นิยมใช้กันมากในอเมริกาและยุโรป สำหรับประเทศไทย เลค เลเจนด์ บางนา-สุวรรณภูมิ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยโครงการแรกที่นำเสาเข็มเฮลิคัลไพล์มาใช้
โดยโครงการได้เปิดพรีเซล สามารถทำยอดขายได้แล้ว 1,000 ล้านบาท นับเป็นยอดขายที่รวดเร็วมากสำหรับบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ สะท้อนถึงความสามารถในการเจาะลึกความต้องการของกลุ่มลูกค้าบ้านระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตขึ้นในช่วง 2-3 ปีผ่านมา และยังคงเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ โดยบริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายเฉพาะสินค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปไว้ที่ 5,320 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11% ของมูลค่าตลาดบ้านเดี่ยวระดับบนทั้งหมด
ด้านแนวโน้มยอดขายของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 จากที่บริษัทจะมีการเปิดโครงการใหม่ 9 โครงการ มากกว่าครึ่งปีแรกที่เปิดตัวไป 4 โครงการ โดยยอดขายครึ่งปีแรกอาจจะทรงตัวหรือต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย จากการแข่งขันในตลาดบ้านแนวราบที่รุนแรงขึ้น ประกอบกับ กำลังซื้อเพิ่งฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง โดยในไตรมาส 1 บริษัทมียอดขายได้ 3,600 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ 18,500 ล้านบาท
