SC เปิดแผนโรดแมป ‘SC Thriving for Good’ ลุยสร้างรายได้เติบโต4 ปีกว่าแสนล.บนวิถีโลกใหม่

คุณค่าเป็นเรื่องสำคัญ กำไรก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะกำไรจะไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คน เพียงแต่ที่มาของการสร้างกำไร สำคัญยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นองค์กรที่จะเติบโตจากวิถีโลกใหม่ ต้องสร้างคุณค่า ไม่ใข่สร้างกำไร ดังนั้นทิศทาง SC 4 ปีนี้ มุ่งสร้างคุณค่าเชื่อมต่อโซลูชั่น สู่ผู้คนและสิ่งแวดล้อม นี่คือทิศทาง SC Thriving for Good’


ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) เผยถึงโรดแมป 4 ปี ‘SC Thriving for Good’ การเติบโตอย่างยั่งยืน บนวิถีโลกใหม่ หลังจากปรับตัวอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2020-2021 รอดผ่านวิกฤตอย่างแข็งแกร่งและสะสมเสบียงอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ “SC ได้วางโรดแมป 4 ปี (2022-2025) ‘SC Thriving for Good’ เติบโต เชื่อมต่อ ยั่งยืน บนวิถีโลกใหม่ เป็นองค์กรที่สร้างคุณค่า เชื่อมต่อ solutions สู่ผู้คนและสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่อง 4 ปี รวมกว่า 100,000 ล้านบาท
“เรามองว่าการสร้างการเติบโตของกำไรอย่างเดียวไม่สามารถผลักดันการเติบโตของธุรกิจได้อย่างดี เราต้องกลับมามองในช่องทางการหารายได้ที่จะเป็น Engine ที่ 2 ในการนำพาองค์กรให้เติบโต ทำให้เราไม่หยุดนิ่งในการเดินหน้ารุกตลาดอย่างแข่งขันและดุดัน มองหาโอกาสใหม่ๆอยู่ตลอด และให้ทีมงานได้ลองทำอะไรใหม่ๆ

โดยโรดแมป “SC Thriving for Good” มี 3 ยุทธศาสตร์หลัก ดังนี้


Thriving ‘เติบโต บนสมรภูมิเดิม และน่านน้ำใหม่’

ทั้งนี้ ในช่วง 4 ปีนี้ รายได้จากการขายที่อยู่อาศัยจะยังคงมีสัดส่วนที่มากที่สุดราว 80% โดยรายได้หลักยังคงมาจากโครงการแนวราบ ตั้งเป้าหมายแนวราบสร้างรายได้ 20,000 ล้านบาท ในปี 2559

ซึ่งงบริษัทมองว่าพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของคนตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางการมองหาโครงการแนวรามากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง ที่เลือกซื้อบ้านเดี่ยวมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาโครงการแนวราบยังทำยอดขายได้เติบโตและยังเห็นทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง

ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมจะเน้นไปที่การเจาะเข้ากลุ่มคนใน Gen Y ที่ยังมีความต้องการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และต้องการความสะดวกในการเดินทางไปทำงาน รวมถึงต้องการพื้นที่อยู่อาศัยในขนาดกระทัดรัดที่ตอบสนองต่อการใช้สอยในชีวิตประจำวันได้อย่างเพียงพอ ซึ่งจะเป็นการขยายฐานลูกค้าของบริษัทที่ยังเป็นช่องว่างทางการตลาด ประกอบกับการพัฒนาคอยโดมิเนียมระดับ Super Luxury ภายใต้บริษัท สโคป จำกัด (SCOPE) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนที่มีรายได้สูงที่ยังมองหาคอนโดมิเนียมในเมือง และมีพื้นที่ในการอยู่อาศัยที่มาก โดยที่บริษัทยังเชื่อว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งหลังจากตลาดปรับเข้าสู่จุดสมดุล


Connecting ‘เชื่อมต่อ ทุกสิ่งถึงกัน สร้างคุณค่าที่มากกว่า’
โดยการส่งมอบคุณภาพชีวิตดีให้ลูกค้า ด้วยนวัตกรรมที่เชื่อมต่อถึงสินค้าและบริการ ภายใต้วิธีคิดแบบลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Human-centric) ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์หลากหลาย จากการเชื่อมต่อ Solutions จากหลากหลาย Ecosystems ผ่าน Blockchain Technology ทีมงานทั้งองค์กรกว่า 1,200 คนทำงานได้อย่างคล่องตัว รวดเร็ว แม่นยำ ผ่านข้อมูลทั้งหมดที่เชื่อมต่อถึงกันด้วยเทคโนโลยี และการสื่อสารที่สม่ำเสมอและทั่วถึง

Sustaining‘ยั่งยืน สร้างคุณค่า สู่ผู้คนและสิ่งแวดล้อม’


ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ลง 20% ภายในปี 2569v เป็นองค์กรที่เติบโตควบคู่กับความใส่ใจสิ่งแวดล้อม


สร้างสถิติเปิด 27 โครงการมูลค่า 4 พันล้าน


พร้อมกับเปิดเผยแผนธุรกิจในปี 2565 ว่า “SC ตั้งเป้าหมายรายได้และยอดขายสำหรับปีนี้ ที่ 22,000 ล้านบาท โดยมีการเปิดโครงการใหม่สูงเป็นสถิติใหม่ 27 โครงการ มูลค่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 25 โครงการ มูลค่า 33,500 ล้านบาท ซึ่งมากกว่า 70% เป็นบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 10 ล้านบาท และ SC เป็นผู้นำในตลาดนี้ ส่วนคอนโดมิเนียมเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่า 6,500 ล้านบาท บนทำเล รถไฟฟ้า BTS 2 สถานี คือ วงเวียนใหญ่ และ ทองหล่อ

ปีนี้จะมีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่หลากหลาย ที่พร้อมสร้างคุณค่าและเชื่อมต่อ Solutions สู่ผู้คนและสิ่งแวดล้อมสำหรับบ้านทุกหลังในโครงการเปิดใหม่ เช่น นวัตกรรม Active Airflow & Air Quality Control, EV Charger, RueJai App 3.0 รวมถึงการเปิดตัว Prototype แบบบ้านใหม่ ‘บ้านสำหรับ Gamers’ และ ดีไซน์ซีรีส์ใหม่ของฟังก์ชั่น ‘Work from Home’ เป็นต้น

สำหรับในปีนี้ SC และบริษัทในกลุ่ม มีโครงการพัฒนาเพื่อขายรวมทั้งสิ้น 78 โครงการ มูลค่า 69,000 ล้านบาท มีสัดส่วนแนวราบและแนวสูง 70:30 พร้อมเตรียมงบลงทุนที่ดินใหม่ในปีนี้ 11,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2025


“องค์กรที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนบนวิถีโลกใหม่ ต้องเริ่มต้นที่เข้าใจว่าทุกสิ่งบนโลกเชื่อมต่อถึงกัน มีผลกระทบต่อกัน วิกฤตโควิดที่ผ่านมาสอนบทเรียนนี้แก่เราอย่างลึกซึ้ง คนไม่สบาย 1 คนจากประเทศหนึ่ง สามารถส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของทั้งโลก ในขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งนวัตกรรม และวิถีพฤติกรรมใหม่อีกหลากหลาย เศรษฐกิจวิ่งช้าลง 3 ปี แต่นวัตกรรมบนโลกวิ่งเร็วขึ้น 10 ปี องค์กรที่ยั่งยืนจะสร้างคุณค่าสู่ทั้งผู้คนและโลก คุณค่านี้จะเป็นผู้สร้างกำไร และกำไรจะกลับมาสร้างคุณค่าต่อไปอย่างยั่งยืน และนี่คือทิศทางการเติบโตยั่งยืนของ SC บนวิถีโลกใหม่ SC Thriving for Good เติบโต เชื่อมต่อ ยั่งยืน” ณัฐพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

About Kansuchaya Suvanakorn

ผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจมาเกือบ 30 ปี

View all posts by Kansuchaya Suvanakorn →

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *