การแถลงข่าวของ 2 กลุ่มธุรกิจระดับตำนานของเมืองไทยเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา เป็นการเผยโฉมหน้าโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การประกาศความร่วมมือกันเมื่อ 2 ปีก่อน โฉมหน้าใหม่ที่มาพร้อมกับอัตลักษณ์ซึ่งเกิดจากการผสานความลงตัวของทั้ง “ดุสิตธานี” และ “ซีพีเอ็น” ช่วยแต่งเติมให้กับย่านพระราม 4 มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
โดย…อนัญชนา สาระคู
จาก 2 ตำนานผสานสร้างหนึ่งเดียว
ทั้งบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ ดุสิตธานี และ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น นับเป็นกลุ่มตระกูลธุรกิจระดับตำนานของเมืองไทย โดยโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวแห่งแรกของไทย ตั้งอยู่ใจกลางย่านสีลม-พระราม 4 คงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ความเป็นไทยผนวกกับการบริการที่มีเอกลักษณ์แบบไทย จึงทำให้เป็นที่ไว้วางใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมานานกว่า 50 ปี ขณะที่ ซีพีเอ็น เองคือผู้ริเริ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) แห่งแรก ตั้งอยู่บนหัวมุมถนนลาดพร้าวตัดกับถนนพหลโยธินเมื่อ 40 ปีก่อน จนปัจจุบันเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในวงการค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย
จากผู้บุกเบิกจนเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดุสิตธานี และ ซีพีเอ็น กำลังร่วมสร้างอัตลักษณ์ใหม่ที่จะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางบนถนนพระราม 4 แห่งนี้ กลายเป็น “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” โครงการมิกซ์ยูสบนพื้นที่กว่า 23 ไร่ มูลค่า 36,700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในปี 2567
4 องค์ประกอบในแนวคิด “Here For Bangkok”
“ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มาพร้อมกับแนวคิด “Here For Bangkok” ประกอบด้วยโครงการต่าง ๆ ที่จะเริ่มก่อสร้างพร้อม ๆ กันและจะทยอยเปิดให้บริการ ดังนี้โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นโรงแรมขนาด 250 ห้อง สูง 39 ชั้น มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565 โดยโรงแรมแห่งนี้จะยังคงมนต์เสน่ห์ของโรงแรมดุสิตธานีเดิมไว้อย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะอัตลักษณ์ความเป็นไทยและการบริการแบบไทย ๆ รวมไปถึง “ยอดชฎา” สีทองที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามฯ และถือเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรมเดิม ได้ถูกนำกลับมาออกแบบใหม่บนชั้นดาดฟ้าให้กลายเป็นจุดชมวิวบนยอดสูงของอาคาร
อาคารพักอาศัย ความสูง 69 ชั้น จำนวนรวม 389 ยูนิต พื้นที่รวม 80,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 2 แบรนด์เพื่อตอบสนองความต้องการและกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่าง คือ ดุสิต เรสซิเดนเซส สำหรับกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบที่อยู่อาศัยสไตล์คลาสสิก หรูหราเหนือกาลเวลาและความเป็นส่วนตัวสูง มีจำนวนห้อง 159 ยูนิต มีตั้งแต่ขนาด 2 – 4 ห้องนอน และเพ้นท์เฮ้าส์ พื้นที่ตั้งแต่ 120 – 600 ตารางเมตร และดุสิต พาร์คไซด์ ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์คนเมือง ด้วยดีไซน์ที่ร่วมสมัย มีระดับ จำนวน 230 ยูนิต ประกอบด้วยห้องชุดขนาด 1 – 2 ห้องนอน พื้นที่ 60 – 80 ตารางเมตร
คาดเปิดให้จองในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 นี้ ในแบบสัญญาเช่า (Leasehold )ระยะยาว 30 ปี และต่อสัญญาอีก 30 ปี
อาคารสำนักงานเกรด A ภายใต้ชื่อ เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส สูง 43 ชั้น มีพื้นที่รวม 90,000 ตารางเมตร ที่มาพร้อมกับออกแบบเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ออฟฟิศยุคใหม่ และความนิยมใน Sharing Economy ในประเทศไทย
และศูนย์การค้าภายใต้ชื่อ เซ็นทรัล พาร์ค ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 80,000 ตารางเมตร นำเสนอประสบการณ์รีเทลแห่งอนาคต ที่จะสร้าง New Urbanised Lifestyle ระดับเวิลด์คลาส โดยทั้งในส่วนของอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าคาดแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการในปี 2566
เติมความสมบูรณ์ให้กับย่านพระราม 4
การก่อสร้างโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่หลายโครงการตลอดเส้นทางถนนพระราม 4 แห่งนี้เอง นอกจากศักยภาพการเติบโตและความคึกคักที่เกิดขึ้นแล้ว หลายฝ่ายยังมองเห็นการแข่งขันในธุรกิจเดียวกันนี้จะมีความเข้มข้นมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ในมุมมองของ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิตธานี กลับมองในมุมที่แตกต่าง เพราะด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้ง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสำคัญ 2 สายคือ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที อยู่ใกล้กับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ คือสวนลุมพินี การออกแบบของโครงการในแบบไร้รอยต่อ เพื่อวัตถุประสงค์ที่ต้องการเชื่อมต่อกันได้ตลอดทั้งโครงการ และเชื่อมต่อกับระบบขนส่งต่าง ๆ รวมทั้งการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ยังคงมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าไว้ สะท้อนความเป็นตัวตนของทั้งดุสิตธานี และซีพีเอ็น ที่จะส่งเสริมทำให้ย่านพระราม 4 กลายเป็นย่านที่มีชีวิตชีวามากขึ้น
“โดยไม่ได้คิดหรือมองถึงการแข่งขันแต่อย่างใด แต่จะเป็นส่วนที่ทำให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น” ศุภจี กล่าว