กลุ่มบิวท์ฯ มองเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแรงหนุนจากโครงการรัฐ -เอกชนและการเลือกตั้ง ดันตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านโต 5-7% พร้อมเดินหน้ารุกตลาดแบบครบวงจร ลงแข่งทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ส่งแบบบ้านใหม่ 6 แบบสู่ตลาด วางเป้ายอดขายปีนี้ 900 ล้าน
สุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บิวท์ ทู บิวด์ บริษัทรับสร้างบ้าน ประกอบด้วย บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด และ บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สำภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในปี 2562 มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนสูง หรืออาจมีความเสี่ยงจากปัจจัยสงครามการค้าสหรัฐ–จีน รวมทั้งข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป (Brexit ) ว่าจะสามารถเจรจาตกลงกันได้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีแรงหนุนจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมถึงผลพวงจากโครงการ EEC เมกะโปรเจคต่างๆ และการเลือกตั้ง 2562 ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญให้เศรษฐกิจไทยมีการปรับตัวดีขึ้น โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ประมาณ 4 – 4.5% และมีผลต่อเนื่องไปถึงธุรกิจรับสร้างบ้านที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าปีที่แล้ว 5 – 7 % เช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์ธุรกิจในปีนี้ ยังคงเน้นในเรื่องการสร้างมาตรฐานของคุณภาพงานก่อสร้างและบริการในราคาที่คุ้มค่ากับผู้บริโภค ซึ่งเป็นหัวใจหลักของธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีการก่อสร้างในระบบสำเร็จรูป และเทคนิคการก่อสร้างใหม่ๆมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การก่อสร้างสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว มีคุณภาพ รวมทั้งงานวิจัยและค้นหาวัสดุ สุขภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีความคงทน สวยงาม และราคาคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
#รุกตลาดออฟไลน์-ออนไลน์
ทั้งนี้ จะผลักดันการตลาดในรูปแบบครบวงจร ทั้งการตลาดแบบ ออฟไลน์ (Offline) และ ออนไลน์ (Online) จะเน้นจัดกิจกรรมที่เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง อาทิ กิจกรรม Site Seeing “สร้างบ้าน ต้องเห็นบ้าน” ซึ่งจากการสำรวจความพึงพอใจเป็นประจำทุกปีนั้นพบว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นที่พึงพอใจสำหรับลูกค้าที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจสร้างบ้านจนนำไปสู่การตัดสินใจปลูกสร้างบ้านเป็นอย่างมาก เพราะลูกค้าจะได้รับความรู้ความเข้าใจในขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปและกระบวนการก่อสร้างแบบใกล้ชิดที่หน้าไซต์งานจริงและโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปจนเกิดความเชื่อมั่นด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเข้าร่วมออกบูธแสดงสินค้าที่ในปีนี้กลุ่มบริษัทฯยังคงวางกลยุทธ์เรื่องการออกบูธไว้ตลอดทั้งปีร่วมกว่า 10 งาน อาทิ งานออกบูธของทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน งานสถาปนิก งานบ้านและสวน รวมไปถึงการมองหาทำเลการออกบูธใหม่ๆ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ทุกโซน
นอกจากนี้ มีการพัฒนาและออกแบบบ้านใหม่อยู่ตลอดเวลา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในรูปแบบการดีไซน์ที่ทันสมัย ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครันและราคาคุ้มค่า ซึ่งในปีนี้ได้ออกแบบบ้านใหม่สไตล์โมเดิร์นจำนวน 6 แบบ ราคาเริ่มต้นที่ 3.5 ล้านบาทขึ้นไป โดยออกแบบเพื่อเจาะฐานลูกค้าตลาดกลางและบน และแต่ละแบบจะมีการดีไซน์รูปทรงและฟังก์ชั่นที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าตามแต่ละสไตล์การใช้ชีวิต
ในส่วนของการทำการตลาดแบบออนไลน์นั้น ในปีนี้กลุ่มบริษัทฯ ได้รุกอย่างเต็มตัว เพราะมองว่าการทำการตลาดแบบออฟไลน์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งจะเดินหน้าพัฒนาปรับปรุงทั้งในส่วนของเว็บไซต์ทั้ง 3 บริษัท ให้มีข้อมูลรายละเอียดแบบบ้านและข้อมูลที่จำเป็นอย่างครบถ้วน และการทำการตลาดผ่านสื่อโซเชียลต่างๆที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ซึ่งจะมุ่งเน้นการนำเสนอ Content และอัพเดทผลงานหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในเรื่องของการสร้างบ้านและคำแนะนำเรื่องการสร้างบ้านได้อย่างทันท่วงทีผ่านช่องทางต่างๆของสื่อโซเชียล รวมทั้งการจัดกิจกรรม โปรโมชั่นให้ได้ร่วมลุ้น ร่วมสนุก ในรูปแบบการประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปหรือกลุ่มลูกค้าได้เข้ามามีส่วนร่วมกับกลุ่มบริษัทฯ มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาในด้านการสื่อสารกับลูกค้า และสามารถให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคได้ทุกช่วงของการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 900 ล้านบาท สัดส่วนที่ลูกค้าส่วนใหญ่สนใจปลูกสร้างบ้านจะเป็นบ้านระดับราคา 1-5 ล้านบาท 40% ระดับ 5-10 ล้านบาท 40% และ 10 ล้านบาทขึ้นไป 20%