“แอสเซทไวส์” อีกหนึ่งผู้ประกอบการ ที่มั่นใจปี 66 ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวดีขึ้น ประกาศเดินหน้าเปิดตัว 12 โครงการใหม่ นับว่ามากที่สุดตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมา ทั้งแนวสูงและบาลานซ์ด้วยพอร์ตแนวราบ สร้างความหลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 22,500 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารับรู้รายได้ 7,200 ล้านบาท และยอดขายปีนี้กว่า 15,000 ล้านบาทนเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯชั้นนำของประเทศไทย
กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 12 โครงการ สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทได้ดำเนินธุรกิจมา มูลค่ารวมกว่า 22,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 70% ภายใต้แบรนด์เคฟ (Kave), แบรนด์แอทโมซ (Atmoz) และแบรนด์โมดิซ (Modiz) จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 15,830 ล้านบาท และโครงการแนวราบ ในสัดส่วน 30% ภายใต้แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (The Honor) และแบรนด์แนวราบน้องใหม่ ดิ อาร์เบอร์ (The Arbor) รวม 3 โครงการ มูลค่ารวม 6,670 ล้านบาท
ขยายตลาดคลุมทุกเซ็กเมนท์
พร้อมทั้งเตรียมขยายกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์มากยิ่งขึ้น และมุ่งสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่ เพื่อเติมเต็มพอร์ตให้แข็งแกร่ง ครอบคลุมทำเลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยล่าสุดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมทุน กับบริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในจังหวัดภูเก็ต ในโครงการโบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว (BOTANICA Grand Avenue) ซึ่งเป็นพูลวิลล่าระดับลักชัวรีบนหาดบางเทา จังหวัดภูเก็ต เพื่อรุกขยายพอร์ตแนวราบระดับลักชัวรี มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังร่วมกับบริษัทพันธมิตรในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ อาทิ บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่น ในการพัฒนาโครงการ แอทโมซ บางนา (Atmoz Bangna) มูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาท และโครงการเคฟ ซี้ด เกษตร (Kave Seed Kaset) มูลค่าโครงการกว่า 1,350 ล้านบาท และเพิ่มความแข็งแกร่งให้พอร์ตอสังหาฯ โดยร่วมทุนกับบริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด (Tokyo Tatemono) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ เพื่อพัฒนาโครงการแอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช (Atmoz Oasis onnut) มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท และยังจับมือร่วมทุนกับ บริษัท ไอดีล เรียล จำกัด พัฒนาโครงการเคฟ มิวแทนท์ ศาลายา (Kave Mutant Salaya) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท
ต่อยอดขยายสู่ธุรกิจใหม่ด้านไลฟ์สไตล์
ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ขยายอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น บริษัทยังมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ในด้านไลฟ์สไตล์ เพื่อต่อยอด และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้เข้าซื้อหุ้น 41.18% ในบริษัท แซ๊ป เวิลด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด หรือ ZAAP World ผู้ดำเนินธุรกิจ Lifestyle & Entertainment ครบวงจร ตอกย้ำการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ สู่การเป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครบทุกมิติทั้งทางด้านเทคโนโลยี การสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ และคุณภาพชีวิต อีกทั้งยังได้สร้าง Community ของคนรุ่นใหม่ ด้วยการเปิด MONSTR Club แพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมความบันเทิงที่คนรุ่นใหม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างมากมาย
ส่งแบรนด์เคฟเรือธงปักมุด 5 โครงการ
กรมเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ปีนี้แอสเซทไวส์ยังพัฒนาคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์เคฟ (Kave) ในทำเลใกล้มหาวิทยาลัย ระดับราคา 1.19-1.79 ล้านบาท ซึ่งเปิดโครงการมาแล้วกว่า 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 14,700 ล้านบาท และในปีนี้เปิดเพิ่มอีก 5 โครงการ รวม 8,980 ล้านบาท ได้แก่ เคฟป๊อป ศาลายา เคฟ วันเดอร์แลนด์ เคฟ โคโค บางแสน เคฟ เอ็มบริโอ รังสิต และ เคฟ ทาวน์ ไอซ์แลนด์ เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการ จากผู้ปกครอง ที่ซื้อเพื่อให้บุตรหลานได้พักอาศัย และกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่า เพราะได้ผลตอบแทนจากการเช่าในอัตราสูง 7%
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 คาดว่าจะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทั้งจากเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลังจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และนโยบายการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐที่ยังคงดำเนินการต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้
“ปีนี้ถือว่าเป็นอีกปีที่มีความท้าทายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโครงการใหม่ หรือการขยายพอร์ตธุรกิจให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นสำหรับเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อผลักดันให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำของธุรกิจอสังหาฯ ที่สร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ และต่อยอดให้ขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯชั้นนำของประเทศไทย ด้วยเป้าหมายการรับรู้รายได้ 7,200 ล้านบาท และเป้าหมายยอดขายที่ 15,000 ล้านบาท” กรมเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย