“ฮาบิแทท กรุ๊ป” ปรับแผนธุรกิจใหม่ในรอบ 10 ปี บุกตลาดแนวราบครั้งแรก นำร่องในพัทยา
ผุดโมเดลร่วมทุนแลนด์ลอร์ดรายใหญ่ “ชลบุรี-พัทยา” พร้อมเปิดโครงการแบรนด์ใหม่
“ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา”โชว์คอนเซ็ปต์ “เวเคชัน พูลวิลล่า” (Vacation Pool Villa) มูลค่าโครงการ 1,700ล้านบาท เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ไทย-ต่างชาติ เพื่อซื้อบ้านหลังที่ 2 แทนการเช่า เปิดขาย VVIP พ.ย.นี้
ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เปิดเผยถึงแผนการลงทุนและกลยุทธ์ธุรกิจครั้งสำคัญในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ จากเดิมที่เน้นโปรดักส์กลุ่มไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ (Lifestyle Investment) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มนิช มาร์เก็ต (Niche Market) ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อการลงทุนเป็นหลัก มาสู่แผนการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ขยายไปในตลาดแนวราบเป็นครั้งแรกซึ่งเป็นตลาดเรียลดีมานด์ที่มีขนาดใหญ่
และมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง
นอกจากด้านดีมานด์แล้ว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยังพบว่า โควิด-19ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคและนักลงทุนมีมุมมองต่อการซื้อที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป โดยคาดหวังถึงที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่กว้างมากขึ้น สามารถรองรับกิจกรรมของครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นรูปแบบของการอยู่อาศัยพร้อมท่องเที่ยวและพักผ่อนที่เป็นเทรนด์การใช้ชีวิตและทำงานของคนยุคใหม่“ทำงานจากที่ไหนก็ได้” หรือ Work from Anywhere จากปัจจัยดังกล่าวนำมาสู่การปรับแผนธุรกิจในครั้งนี้ และเชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
“จากเดิมที่เราโฟกัสการพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพื่อลงทุน แต่วิกฤตโควิดที่ผ่านมา
ทำให้บริษัทฯ หันมาสนใจตลาดแนวราบ และหวังสร้างบาลานซ์ พอร์ต เพื่อจัดการบริหารความเสี่ยงอีกด้วย อีกทั้งจากการทำงานที่ผ่านมา
บริษัทฯ ได้สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดโครงการพูล วิลล่า มาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ เดอะ วิลล์ จอมเทียน และ ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์
จึงมีความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดีและพร้อมจะนำความแข็งแกร่งในจุดนี้ไปต่อยอดกับตลาดแนวราบต่อไป” ชนินทร์ กล่าว
โดยรูปแบบการลงทุนโครงการแนวราบในครั้งนี้เป็นโมเดลร่วมทุนกับแลนด์ลอร์ดรายใหญ่ในพื้นที่ “ชลบุรี-พัทยา” จัดตั้งในนามบริษัท ฮาบิแทท วิลล่า จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” ร่วมกันโดยมีสัดส่วน ฮาบิแทท กรุ๊ป ถือหุ้น 70%
และอีก 30% เป็นของนายรัฐกิจ เฮงตระกูล เจ้าของที่ดินดังกล่าว
“ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า” (Highland Park Pool Villas) โครงการพูล วิลล่า
สไตล์โมเดิร์น มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 51 ไร่
โดยจะเริ่มพัฒนาเฟสแรกจำนวน 65 หลัง ประกอบด้วยบ้าน 2 แบบ ได้แก่ โรสวูด แกรนด์ วิลล่า(Rosewood Grand Villa)ความสูง 2 ชั้น ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน พื้นที่จอดรถ 3 คัน
ขนาดเนื้อที่เริ่มต้น 76 – 152 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน 375 ตารางเมตร พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้านทุกหลัง ในราคา 13 – 15 ล้านบาท และ แคสเซีย พูล วิลล่า
(Cassia Pool Villa) ความสูง 2 ชั้น ประกอบด้วย4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ พื้นที่จอดรถ 2 คัน
ขนาดเนื้อที่เริ่มต้น 61 – 122 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน 282 ตารางเมตร พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้านทุกหลัง ในราคาขายเริ่มต้นที่ 8 – 12 ล้านบาท
โครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา”มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลระดับพรีเมี่ยมบริเวณห้วยใหญ่ สามารถมองเห็นวิวภูเขาที่สวยงามมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางให้ความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมด้วยคลับเฮ้าส์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ เลานจ์ สระว่ายน้ำ ห้องคิดส์ คลับ สำหรับเด็ก ๆ และห้องอเนกประสงค์ เพื่อรองรับการทำกิจกรรมสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว
“ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา เริ่มเปิดขาย VVIP ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 นี้
โดยเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มาจากกรุงเทพฯ 70% ในช่วงอายุ 30 – 50 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัว
และอีก 30% เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย และวัยเริ่มเกษียณ
ที่มองหาพื้นที่เพื่อการพักผ่อนและต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อทั้งเพื่ออยู่เองและปล่อยเช่าในระยะยาว จากนั้นจะรอดูผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าก่อนจะเปิดในส่วนของเฟสสองต่อไป” ชนินทร์ กล่าว
ด้านรัฐกิจ เฮงตระกูล ผู้ร่วมทุนโครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” กล่าวว่า
ความต้องการซื้ออสังหาฯ ในพื้นที่พัทยาเกิดขึ้นในหลายเซ็กเม้นท์ และวิลล่าซึ่งเป็นเซ็กเม้นท์ที่มีดีมานด์สูง สำหรับทั้งการท่องเที่ยวและพักผ่อน รวมทั้งซื้อไว้เพื่อการลงทุนในระยะยาว โดยมีความสนใจจากผู้ซื้อทั้งนักธุรกิจในพื้นที่ชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโซนอีอีซี เป็นระดับผู้บริหารที่ต้องการซื้อแทนเช่า และชาวไทยที่อยู่กรุงเทพฯ เพราะการเดินทางที่สะดวกและใช้เวลาในช่วงสั้น ๆ จากกรุงเทพฯมาพัทยา และสุดท้ายกลุ่มต่างชาติ
ที่นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาพบว่าแนวโน้มเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆจึงมองว่าเป็นโอกาสในการพัฒนาและเปิดขายโครงการบนทำเลศักยภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ในช่วงจังหวะนี้
ขณะที่ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย วิเคราะห์ถึงตลาดพูลวิลล่าในพื้นที่พัทยา ระดับราคาขาย 8-15 ล้านบาทนับเป็นตลาดที่เติบโตและได้รับความสนใจทั้งจากผู้พัฒนาและกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 มีโครงการพูลวิลล่าเปิดขาย 13 โครงการ รวม 404 ยูนิต ซึ่งในจำนวนนี้ขายไปแล้ว 295 ยูนิต หรือคิดเป็น 73% ของจำนวนยูนิตที่เปิดขายทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโดยผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่
และเป็นโครงการขนาดเล็กที่มีจำนวนยูนิตขายน้อย
“การปรับแผนธุรกิจใหม่ จากโครงการคอนโดมาสู่แนวราบเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการยกระดับการทำงานและบาลานซ์ธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆและบริหารจัดการความเสี่ยงที่นำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน” ชนินทร์ กล่าวทิ้งท้าย