วิลล่า คุณาลัย นับเป็นเจ้าตลาด ยึดทำเลการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลบางบัวทอง จึงเห็นถึงโอกาสต่อยอดการลงทุนโซนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางในการครองแชมป์การเป็นเจ้าตลาดของโซนนี้ คือการชิงส่วนแบ่งตลาด (Market Penetration) ด้วยการพัฒนาสินค้าบ้านใหม่ๆ ให้ครบทุก Segment ทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยวพรีเมี่ยม และอาคารพาณิชย์ เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็พัฒนาสินค้าบ้านใหม่ ๆ เพื่อทดแทนสินค้าที่กำลังจะหมดลง สำหรับรองรับความต้องการที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โดยในปี 2565 บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 15-20% จากปี 2564 และตั้งเป้ายอดขายไว้ที่1,800 ล้านบาท เติบโตจากปี2564 ที่ 1,510 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มยอดขายในช่วงไตรมาส 1 มั่นใจว่าจะทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 450 ล้านบาท หลังจากที่ปัจจุบันทำยอดขายไปได้แล้วกว่า 350 ล้านบาท โดยสะท้อนจากจำนวนการเข้าชมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่ยังมีความต้องการของลูกค้าในการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่ยังมีความต้องการซื้อที่สูง
ด้านการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 1 บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการ คุณาลัย พาร์โก้ บนพื้นที่ 21 ไร่ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส 96 ยูนิต มูลค่ารวม 500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยพัฒนาในช่วงปี 2565-2567 โดยได้เปิดขายเฟสแรกไปแล้วราว 20 ยูนิต ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในช่วงการเปิดขายโครงการ และเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยหนุนยอดขายในไตรมาส 1
ส่วนในไตรมาส 2 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 1 โครงการ คือ คุณาลัยเดซี่ มูลค่า 800 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคา 3.49-4 ล้านบาท และเป็นโครงการที่พัฒนาเพื่อทดแทนโครงการเดิมที่บริษัทขายใกล้หมดแล้ว และในไตรมาส 4 จะเปิดโครงการ คุณาลัย นาวาร่า มูลค่า 3,000 ล้านบาท ในทำเลบางขุนเทียน พื้นที่ 150 ไร่ ราคาขาย 6-8 ล้านบาท
“จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การตลาด รวมถึงการออกแบบดีไซน์บ้าน เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะตลาดบ้านจัดสรรในปีหน้าที่คาดว่าจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น บริษัทจึงเน้นการรักษาฐานกลุ่มลูกค้าเดิม พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละทำเล” นางประวีรัตน์กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต บริษัทมีที่ดินสำหรับเตรียมพัฒนาโครงการใหม่และที่ดินเปล่าที่ได้วางเงินมัดจำไว้แล้วรวมมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านบาท สามารถรองรับการเติบโตในอนาคตได้ภายในระยะเวลา 5-7 ปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมองแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศ ปี2565 ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2564 โดยมองว่าสถานการณ์ในปัจจุบันพ้นจุดที่ต่ำสุดของดัชนีต่าง ๆ ที่สำคัญแล้ว ขณะที่ภาครัฐยังคงดำเนินนโยบาย “งบประมาณขาดดุล” การลงทุนที่สำคัญของโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เช่น รถไฟฟ้า ถนน ทางด่วน ซึ่งส่งผลต่อการหมุนเวียนของกระแสเงินภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย