ตลาดอสังหาในเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ซึ่งเป็นทั้งหัวเมืองท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรม ที่มีมูลค่าตลาดรวม 72,000 หมื่นล้านบาท ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงทรา ถือเป็นโหมดที่มีศักยภาพสูง สะท้อนจากการตัวเลข ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาพบว่าดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่จากรุงเทพ รุกเข้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่อีอีซีแล้วกว่า 94 โครงการ ยูนิตขายรวมกว่า 4.3 หมื่นยูนิต มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1.21 แสนล้านบาท
โดย…กัญสุชญา สุวรรณคร
ลงทุนในอีอีซี 8 โครงการมูลค่า 3.2 พันล้าน
หนึ่งในนั้นคือค่าย “พฤกษา” บริษัทอสังหาฯรายใหญ่ ที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้รุกเข้าไปลงทุน พัฒนาโครงการในพื้นที่ อีอีซี แล้วจำนวนมากถึง 8 โครงการ รวมมูลค่า 3,200 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้และต่อเนื่องปี 2563 จะเปิดรวม 6 โครงการ
ธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แผนธุรกิจการพัฒนาอสังหาฯต่างจังหวัด พฤกษาให้ความสำคัญขยายการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี โดยมีเป้าหมายพัฒนาโครงการในเขต อีอีซี ให้กระจายครอบคลุม ทั้ง ชลบุรี ระยองและฉะเชิงทรา ปัจจุบันรายได้มาจากโซนนี้ คิดเป็น 50% ของรายได้ที่มาจากต่างจังหวัดทั้งหมด ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้พฤกษาทั้งหมด
“หัวเมืองใหญ่ อย่างจังหวัดเชียงใหม่ มีมูลค่าตลาดมากถึง 15,000 ล้านบาท ภูเก็ต 17,000 ล้านบาท ซึ่งพฤกษาจะเน้นทำตลาดในหัวเมืองใหญ่มากขึ้น รวมถึงอีอีซี โดยในจังหวัดระยอง เป็นหัวเมืองท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นที่น่าจับตามาก โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดใหญ่สูงเกือบ 16,821 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยรถไฟความเร็วสูงที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2566 ซึ่งจะเชื่อมต่อ3 สนามบิน และเส้นทางเชื่อมต่อ 5 จังหวัด จึงจะทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นเมืองใหญ่รองจากกรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
ชูคอนเซ็ปต์ “พฤกษา อเวนิว”
โดยกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดของพฤกษา จะมุ่งสร้างมาตรฐานใหม่อสังหาฯ ยกระดับการอยู่อาศัยในโซนต่างจังหวัด พัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบ “พฤกษา อเวนิว” โดยมีสินค้าหลากหลาย ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม พร้อมยกระดับการอยู่อาศัยในต่างจังหวัด โดยพัฒนาสินค้า และบริการ ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าโครงการในกรุงเทพฯ และพัฒนาบ้านพร้อมอยู่เป็นหลัก(Ready to Move In)
นอกจากกลยุทธ์ดังกล่าวแล้ว คือ การนำนัวตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในโครงการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Fresh air system “บ้านหายใจได้” ออกแบบระบบไหลเวียนอากาศภายในบ้าน Home Automation เสริมความแข็งแรงของพื้นที่หลังคาด้วยเสาเข็มขนาดยาวลึกเท่าตัวบ้าน เพื่อรองรับการใช้งานพื้นที่อเนกประสงค์ของลูกค้า
ล่าสุด ได้เปิดขายโครงการใหม่ “พฤกษา อเวนิว หนองมน-ชลบุรี” มูลค่าโครงการ 2,445 ล้านบาท ที่ได้นำคอนเซ็ปต์ “พฤกษา อเวนิว” ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากกรุงเทพ โดยพัฒนาพื้นที่ขนาด 90 ไร่ มีหลากหลายรูปแบบบ้าน เพื่อเพื่อรองรับทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่กลุ่มครอบครัวเริ่มต้นไปจนถึงที่ครอบครัวขยาย แบ่งเป็นShophouse&Commercial จำนวน 40 ยูนิต มูลค่าโครงการ 278 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด เดอะแพลนท์ หนองมน-ชลบุรี จำนวน 219 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 120-180 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 2.79 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 987 ล้านบาท และบ้านพฤกษา หนองมน-ชลบุรี (3) ทาวน์โฮม จำนวน 474 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,180 ล้านบาท
ราคา 2-3 ล้านขายดี
ธีรเดช บอกว่า ตามแผนจะเปิดโครงการรูปแบบ “พฤกษา อเวนิว” ให้ได้อย่างน้อยจังหวัดละ 2 โครงการ แต่ละโครงการไม่ต่ำกว่า 200-300 ยูนิต รวมถึงในปีหน้า จะเพิ่มตลาดใหม่ในพื้นที่จังหวัดระยอง ฉะเชิงเทรา และพัทยา แม้ขนาดตลาดยังเล็กอยู่ แต่ก็น่าสนใจ เนื่องจากทั้ง 3 จังหวัด มีซัพพลายทาวน์เฮาส์ไม่มาก โดยเฉพาะในราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท และช่วง 2-3 ล้านบาท พบเป็นระดับราคาลูกค้าในพื้นที่ตอบรับและมีแนวโน้มดีสุด
การรุกขยายพร์อตที่อยู่อาศัยแนวราบรับแรงลงทุนในอีอีซี นำสู่เป้าหมายของพฤกษาที่จะผลักดันรายได้ต่างจังหวัดขยับเพิ่มขึ้น จากรายได้ปัจจุบันคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้พฤกษารวมทั้งหมด