ตลาดซุปเปอร์ลักชัวรี่ แม้ว่าจะขนาดตลาดจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ด้วยกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง และมากกว่า 50% ที่ซื้อด้วยเงินสด ทำให้ตลาดนี้ยังคงได้รับความสนใจในการพัฒนาจากผู้ประกอบการ หนึ่งในนั้นก็คือ กลุ่ม ชาญอิสสระ
สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัทชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI ระบุว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้แม้ว่าจะมีหลายปัจจัยกดดัน แต่การที่ไทยเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้วรัฐบาลจะมีเสถียรภาพ ทำให้การเมืองนิ่งและส่งผลต่อความมั่นใจของประชาชน และช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจมีการขยายตัวได้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ส่วนภาพรวมตลาดซุปเปอร์ลักชัวรี่ยังสามารถเติบโตได้ เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูง ซับพลายในตลาดมีจำนวนน้อย
ล่าสุด บริษัทได้เปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ Issara Residence Rama 9 บ้านหรูแนวคิดใหม่ ราคาหลังละ 100-170 ล้านบาท จำนวน 20 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ ประมาณ 9 ไร่ บริเวณถนนพระราม 9 ซอย 13 ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วเกือบ 60% โดยตั้งเป้าขายโครงการ Issara Residence Rama 9 ให้ได้ 90% หรือขายหมดภายในสิ้นปี 2562
#มองLTVไม่กระทบบ้านหรูซื้อเงินสด70%
สงกรานต์กล่าวต่อว่า สำหรับผลกระทบต่อบ้านหรูระดับลักชัวรี่จากมาตการ LTV เพื่อควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มมีผลบังคับให้วันที่ 1 เม.ย. 62 เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านหรูส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และลูกค้าส่วนใหญ่ของชาญอิสระที่ซื้อบ้านหรูนั้นส่วนใหญ่ใช้เงินสดซื้อในสัดส่วน 60-70% หรือดาวน์ 30-40% มากกว่ามาตร LTV ที่กำหนดเงินดาวน์ไว้ 20% อย่างไรก็ตามมองว่าผลกระทบของ LTV อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะระดับกลาง-ล่าง จะส่งผลต่อการขายของตลาดเกิดการชะลอตัวลง
สำหรับการแข่งขันของตลาดระดับลักชัวรีมีการแข่งขันไม่สูง และมีจำนวนซัพพลายในตลาดน้อย หรือมีอยู่เพียง 10% ของทั้งตลาดในทุกระดับราคา อีกทั้งความยากของการพัฒนาโครงการบ้านหรูที่มีทำเลอยู่ในเมืองนั้นทำได้ค่อนข้างยาก เพราะที่ดินในเมืองมีอยู่จำกัด และหาราคาที่ดินที่เหมาะสมสำหรับนำมาพัฒนาได้ยาก เช่นเดียวกับที่ดินของโครงการ Issara Residence Rama 9 ใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าบริษัทจะได้มา ซึ่งเพิ่งได้ที่ดินของโครงการดังกล่าวมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน
#บ้านซุปเปอร์ลักชัวรี่มีเพียง7โครงการเปิดขาย
ด้านอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการแข่งขันตลาดบ้านเดี่ยวระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ระดับราคาเกินกว่า 70 ล้านบาทขึ้นไปที่เปิดตัวแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มีเพียง 7 โครงการเท่านั้น หรือคิดเป็นบ้าน 271 หลัง โดยแบ่งเป็น 3 ทำเลหลัก ได้แก่ ทำเลใจกลางเมืองหรือซีบีดีอาทิ สุขุมวิท สาทร ทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลาง อาทิ รัชดาภิเษก-พระราม 9 พัฒนาการตอนต้น และทำเลชานเมืองโดยรอบ เช่น เกษตรนวมินทร์ กรุงเทพกรีฑา บางนา
จากการศึกษาถึงความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายโดยซีบีอาร์อีพบว่า ผู้บริโภคต้องเลือกระหว่างการมีบ้านเดี่ยวที่มีเนื้อที่แต่อยู่ชานเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางแต่ละวันไม่น้อย ในขณะที่ถ้าต้องการอยู่ใจกลางเมือง ก็จำเป็นต้องเลือกอยู่ทาวน์เฮ้าส์ หรือบ้านแนวสูงที่มีมากกว่า 3 ชั้นขึ้นไป ซึ่งพื้นที่แต่ะละชั้นถูกออกแบบมาเพียงแค่เป็นห้องนอน ไม่มีพื้นที่สำหรับกิจกรรมในครอบครัว อีกทั้งไม่มีพื้นที่สีเขียวภายในบริเวณบ้าน หรือเลือกอยู่คอนโดมิเนียม ซึ่งก็มีข้อจำกัดในการมีสัตว์เลี้ยง และมีที่จอดรถไม่เพียงพอสำหรับสมาชิกทุกคน