โดย…อนัญชนา สาระคู
นับจากปี 2556 ที่รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวขยายเส้นทางไปถึงสถานีบางหว้า ส่งผลให้ย่านนี้มีความคึกคักมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีคอนโดมิเนียมเปิดขายเป็นจำนวนมากรองรับผู้อยู่อาศัยไม่เฉพาะในพื้นที่เพชรเกษมเท่านั้น แต่ยังรองรับผู้อยู่อาศัยจากพื้นที่รอบนอกที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางไปทำงานในเมือง เนื่องจากใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก
ในอนาคตอันใกล้นี้ สถานีบางหว้ายังจะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า 2 สายคือ BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยาย ที่แม้ปัจจุบันจะมาสิ้นสุดสถานีปลายทางบางหว้า แต่ยังมีแผนขยายเส้นทางไปถึงตลิ่งชันอีกในอนาคต รถไฟฟ้าอีกสายที่จะมาตัดผ่านจุดนี้คือ MRT สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายจากหัวลำโพง ซึ่งแว่วๆ มาว่าจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2562 นี้ ขณะเดียวกัน บางหว้ายังสามารถเดินทางโดยทางเรือโดยสารเข้าสู่เมืองผ่านเส้นทางคลองภาษีเจริญอีกด้วย
สุรเชษฐ์ กองชีพ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยการตลาดอสังหาริมทรัพย์ ชี้ให้เห็นถึงความน่าสนใจในทำเลบางหว้า ดังนี้คือ สถานีรถไฟฟ้าบางหว้าเป็นสถานีร่วมระหว่างรถไฟฟ้า 2 สายคือ BTS และ MRT และยังสามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้หลากหลายทั้งทางรถยนต์ รถไฟฟ้า และทางเรือ นอกจากนี้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ศูนย์การค้าชื่อดัง และร้านอาหาร ที่สำคัญ ทำเลในย่านนี้ยังมีที่ดินน้อย ส่งผลต่อราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ตลาดคอนโดมิเนียมบางหว้า
ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมเปิดขายสะสมจำนวน 5,087 ยูนิต โดย ปี 2561 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่จำนวน 1,451 ยูนิต มีอัตราการขายเฉลี่ยในพื้นที่ค่อนข้างสูงที่ 81% หากแยกเป็นโซนเพชรเกษมอัตราการขายสูงถึง 91% ส่วนโซนอื่นที่ใกล้เคียงอยู่ที่ 43% ขณะที่มียูนิตเหลือขายเพียง 987 ยูนิต
ด้านราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 7.5% ซึ่งราคาเฉลี่ยโครงการเก่าจะอยู่ที่ 65,000-75,000 บาทต่อตร.ม. ส่วนโครงการใหม่อยู่ที่ราว 80,000 ตร.ม.
อัตราผลตอบแทนจากการเช่าเฉลี่ยที่ 4.3-5.5% นับเป็นอัตราที่ดีหากเทียบกับอัตราค่าเช่าคอนโดมิเนียมในใจกลางเมืองซึ่งจะต่ำกว่า โดยพบว่าชาวต่างชาติที่เข้ามาเรียนและทำงานในกรุงเทพฯ นิยมหาห้องเช่าในย่านบางหว้ากันมากขึ้นเนื่องจากมีค่าเช่าถูกกว่าค่าเช่าคอนโดมิเนียมในเมือง
บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์
บริษัท นอร์ธแลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากจังหวัดสระบุรี ตัดสินใจเข้ารุกตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพอย่างเต็มตัว โดยก่อนหน้าได้ร่วมลงทุนด้วยสัดส่วน 30% ในโครงการ D8 “Luxury Vertical House” ย่านเอกมัย -รามอินทรา ไปแล้ว มาในครั้งนี้มุ่งลงทุนโครงการเป็นของตัวเองบนทำเลบางหว้า ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า 580 เมตร กับโครงการ บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์
ภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกจังหวะชีวิตที่เป็นคุณ” โดยเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ติดถนนเทิดไท มีจำนวนห้องพักอาศัย 402 ยูนิต ที่จอดรถ 39% หรือคิดเป็นจำนวน 135 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 134 ยูนิต อาคาร B จำนวน 268 ยูนิต คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงต้นปี 2562 กำหนดแล้วเสร็จในปี 2563 โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ใต้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ
สำหรับห้องชุดมีให้เลือก 3 แบบ คือแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 25.7-31.8 ตร.ม. จำนวน 323 ยูนิต แบบ 1 ห้องนอนพลัส พื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 32.6-39.9 ตร.ม. จำนวน 39 ยูนิต และ แบบ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 45.9-51.1 จำนวน 40 ยูนิต พร้อมพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ยูนิตละ 1.6 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 65,000 บาทต่อตร.ม.
“เนื่องจากเรายังเป็นบริษัทขนาดเล็กที่เข้ามา ดังนั้นจุดเด่นที่เราต้องสร้างความแตกต่างเพื่อให้สามารถแข่งขันกับเจ้าอื่นๆ ได้ก็คือเรื่องของทำเล ราคา และตัวสินค้าที่จะเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งหากมองถึงบางหว้า ถือเป็นทำเลที่ดีมาก สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้หลากหลาย ขณะเดียวกันราคาก็ไม่ได้สูงหากเทียบกับราคาขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่เดียวกัน” นภดล ธรรมวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นอร์ธแลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าว
ทั้งนี้ บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์ จะเปิดพรีเซล ระหว่างวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2561 ณ สำนักงานขายโครงการ จุดทางออกที่ 4 ของสถานีรถฟ้าบีทีเอสสถานีบางหว้า
#คอนโด #บีทีเอส #บางหว้า
